เรื่องของฟืนไฟถือเป็นเรื่องที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตที่ทุกบ้านจำต้องมี เพราะโดยปกติแล้วสายตาของมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นในที่มืด จำเป็นต้องอาศัยแสงสว่างเป็นตัวช่วยในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เมื่อถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า
          แต่บ่อยครั้งที่ระบบไฟฟ้าภายในบ้านก็มักจะเกิดปัญหาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ยิ่งหากเป็นช่วงตอนหน้าฝนที่ฟ้ากระหน่ำลงแบบสุดเหวี่ยง ก็มักทำให้หลายบ้านเผชิญกับปัญหาไฟฟ้าดับแบบมืดสนิท ดังนั้นการมีอุปกรณ์แบบช่างไฟติดบ้านไว้สักหน่อย ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยอย่างน้อยควรมีอุปกรณ์ที่มักใช้บ่อย ได้แก่ 
          1. มัลติมิเตอร์ 
เครื่องวัดกระแสไฟฟ้า ใช้สำหรับการตรวจสอบกระแสไฟที่หมุนเวียนอยู่ภายในตัวบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้ว กระแสไฟบ้านทั่วไปควรอยู่ที่ประมาณ 220 โวลต์ และไม่ควรเกิน 250 โวลต์นั้นเอง  
          2. ไขควงลองไฟ 
สำหรับผู้หญิงแล้วหากตัวมัลติมิเตอร์อาจดูใช้งานยากเกินไป ก็สามารถใช้ตัวไขควงลองไฟแทนได้ ปัจจุบันอุปกรณ์ชนิดนี้ถูกออกแบบมาใช้งานอย่างง่าย เพียงจิ้มปลายไขควงสัมผัสกับตัวโลหะที่เชื่อมต่อกับเส้นไฟ ถ้ามีไฟสว่างขึ้นแสดงว่ากระแสไฟยังไหลเวียนได้ปกติ 
          3. คีมตัดสายไฟ 
หากเกิดกรณีฉุกเฉินที่จำเป็นต้องตัดสายไฟโดยฉับพลัน การใช้คีมตัดสายไฟจึงค่อนข้างจำเป็นอย่างมาก แต่ที่สำคัญ ควรเป็นคีมเฉพาะสำหรับตัดสายไฟเท่านั้น และต้องมีด้ามจับที่ห่อหุ้มฉนวนที่หนาเพื่อความปลอดภัย 
          4. เทปกาวพันสายไฟ 
การแก้ปัญหาสายไฟเบื้องต้นอย่างง่าย สามารถใช้เทปกาวพันสายไฟเพื่อป้องกันการรั่วไหลของกระแสไฟชั่วคราว ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านทั่วไป แต่ข้อควรระวังคือ ต้องเลือกใช้วัสดุที่เป็นฉนวนกันไฟอย่างดี หากไม่ได้มาตรฐาน ไฟฟ้าอาจรั่วผ่านเทปกาวได้เช่นกัน 
          5. ค้อน 
น่าจะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ทุกบ้านน่าจะมีอยู่แล้ว แต่ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับงานไฟอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะใช้สำหรับตอกเดินสาย หรือติดตั้งตู้คอนโทรล เป็นต้น
 
          เรื่องของไฟฟ้าถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและสามารถส่งผลอันตรายถึงชีวิตได้ ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญแก้ไขปัญหาให้จะดีที่สุด แต่หากเกิดเหตุจำเป็นที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก็ควรเลือกวิธีการแก้ปัญหาตามความเหมาะสม และสิ่งสำคัญคือ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง